ผู้ติดตาม

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ที่มาของชื่อถนนเพชรเกษม และข้อคิดดีๆ ของหลวงเพชรเกษมวิถีสวัสดิ์

              ถนนเพชรเกษม  เป็นถนนที่ยาวที่สุดจากกรุงเทพมหาคร          ไปจนถึงหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สร้างเสร็จในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม เมื่อสร้างเสร็จได้ตั้งชื่อถนนเส้นนี้ ว่า "พิบูลสงคราม" เพื่อเป็นเกียรติแก่ จอมพลป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี   ครั้นออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา ได้เปลี่ยนชื่อเป็นถนน "เพชรเกษม"  ในที่สุด เรื่องตั้งชื่อบุคคลเป็นชื่อถนนเป็นดำริของจอมพลป. แต่เดิม ที่ให้ชื่อผู้สร้างนั้น เป็นชื่อถนน เพราะถ้าสร้างไม่ดีเนื่องจากคอรัปชั่นหรือด้วยความบกพร่องอื่น ประชาชนจะได้บริภาษโดยตรง ถนนบางสายจึงมีชื่อข้าราชการกรมทางหลวงเป็นชื่อถนน 
เช่น ถนนจรัญสนิทวงศ์ (ม.ล.จรัญ สนิทวงศ์) ถนนสุขุวิท "พระพิศาลสุขุมวิทย์" เป็นต้น 


ถนนเพชรเกษม ปัจจุบัน

          หลวงเพชรเกษมวิถีสวัสดิ์ นามเดิม แถม เพชรเกษม เกิด 23 กุมภาพันธ์ 2443 ถึงแก่กรรม 24 เมษายน 2530 สิริอายุ 87 ปี  เกิดที่ตำบลหนองแขม อำเภอหนองแขม จังหวัดธนบุรี 


หลวงเพชรเกษมวิถีสวัสดิ์


         หลวงเพชรเกษมวิถีสวัสดิ์ มีคติว่า "ยึดทางสายกลาง         อย่าวู่วาม อะไรควรพูด ควรทำ หรือไม่ควรแก่บุคคลชั้นใดดูให้เหมาะแก่กาละเทศะ" ที่ให้ข้อคิดนี้ เพราะเคยประสบแก่ตัวเอง  เนื่องจากเป็นคนทนงศักดิ์ในศักดิ์ศรี มั่นในสัตย์สุจริตของตนเอง ถือคติโบราณที่ว่า เมื่อบริสุทธิ์แล้ว "ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟ ไม่ไหม้" เห็นผู้อื่นจะออกทางอันมิชอบ จึงพูดและเขียนให้เขาสำนึก เขาเกิดความละอาย ในที่สุดภัยมาถึงตัว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องของกรรม
       รักใคร่สามัคคีในหมู่คณะ อย่าดูหมิ่นวิชาความรู้หรือตำแหน่งหน้าที่ซึ่งกันและกัน ทุกคนมีการศึกษาในระดับต่างๆ สุดแต่ฐานะ โชคและโอกาส แต่ในตัวทุกคนมีปฏิภาณ หรือความนึกคิดพิเศษ     ซึ่งธรรมชาติเสกสรรค์มาให้ต่างๆ กัน จะยกตัวอย่างสัก 2 เรื่อง

     เรื่องแรก  เมื่อ พุทธศักราช 2489 กระทรวงคมนาคมสั่งกรมทาง ซ่อมสะพานพระพุทธยอดฟ้า ที่ถูกบอมบ์ในสงครามโลก ตอม่อร้าวจนน้ำเข้า ซึ่งมีเครื่องจักรยกสะพานในตอม่อ นายชั่งได้สูบน้ำออก ไม่รู้จะอุดรอยร้าวอย่างไร เราต้องไปหานักประดาน้ำทหารเรือ มาช่วยกำขี้เลื่่อยแห้งลงไปยัดรอยร้าวข้างนอก ขี้เลื่อยเมื่อถูกน้ำแล้วพอง วิชานี้เราเคยเรียนมาจากวิทยาลัย สามารถอุดรอยร้าวได้


ทองคำแท่ง

    เรื่องที่สอง สมัยสงครามโลก ญี่ปุ่นเข้าไทยขอกู้เงินเพื่อใช้จ่ายในการทำสงคราม เขาส่งทองคำแท่งมาเป็นประกัน ฝ่ายเรากลัวเก๊ ต้องเจาะตรวจดูุทุกแท่ง ไม่เคยนึกเลยหรือว่าทองคำแท่งแข็งมาก วันหนึ่ง ๆ เราจะตรวจดูได้กี่แท่ง ต้องใช้วลาแรมเดือนจึงจะตรวจหมด ข้าราชการผู้น้อยคนหนึ่งไม่กล้าสอนผู้ใหญ่ ในที่สุดอดรนทนไม่ได้   จึงแนะนำให้เอาสว่านจุ่มน้ำส้มเสียก่อน ปรากฎว่าเจาะได้อย่างสบาย ข้าราชการผู้นั้นไม่เคยเรียนวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเลย  ฉะนั้นแล้ว


"คนจะศึกษาถึงจุดสุดยอดประการใด ก็มิได้รอบรู้ไปทุกอย่าง   จึงขออย่าเย้ยหยันหมิ่นกัน จงช่วยกันทำเพื่อความรุ่งเรือง"

#phakkar  #เน้นเอาฮา  ขอขอบคุณ #MASTER MINE

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น